ผิวกระจก (Glass Skin) คืออะไร?...
ReadyPlanet.com


ผิวกระจก (Glass Skin) คืออะไร? เปิดวิธีทำให้ผิวสวยฉ่ำวาว แบบเกาหลี


  เทรนด์ผิวกระจก-แบบ-Glass-Skin

 
 
ศัลยกรรมเกาหลี ร้อยไหม ดึงหน้า ฉีดโบท็อกซ์ รอบเอว 360 องศา และอื่นๆ อีกมากมาย เข้าถึงง่าย ไม่ต้องบินไกลถึงเกาหลี ที่ K Beauty Hospital


ถือเป็นเทรนด์ความงามที่กำลังนิยมเป็นอย่างมากกับการดูแลผิวให้สวยใสแบบ Glass Skin แต่เชื่อว่าก็คงมีใครหลายๆ คนที่เกิดความสงสัยขึ้นมาว่า ผิว Glass Skin คืออะไร และต้องมีการดูแลตัวเองอย่างไรบ้างถึงจะสามารถมีผิวแบบ Glass Skin ได้ ในบทความนี้เราได้รวบรวมวิธีการดูแลผิวให้สวยแบบ Glass Skin มาให้แล้วทั้งแบบวิธีการดูแลด้วยตนเองและหัตถการทางการแพทย์

Glass Skin คืออะไร?

ผิวแบบ Glass Skin คืออะไร

Glass Skin (กลาส-สกิน) ถือเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ความงามในการบำรุง ดูแลและการแต่หน้าเพื่อให้ผิวมีความกระจ่างใส รูขุมขนกระชับเรียบเนียน ผิวมีความชุ่มชื้นฉ่ำวาว ไม่มีสิว รอยสิว รอยแผลเป็น รวมไปถึงปัญหาฝ้ากระ จุดด่างดำ รวมไปถึงริ้วรอยร่องลึกต่างๆ เรียกว่าเป็นผิวที่สวยสุขภาพดีจนทำให้ผิวมีความประกายเหมือนกับแก้วที่มีความใสนั่นเอง

ความเป็นมาของ Glass Skin เริ่มมาจากไหน

ผิวแบบ Glass Skin ถือเป็นเทรนด์ความงามที่ได้รับอิทธิพลมาจาก Korean Skincare ของประเทศเกาหลีใต้ ที่มักนิยมในการแต่งหน้าและบำรุงให้ผิวมีความใสฉ่ำวาว เล่นกับแสงที่จะมาตกกระทบผิวนั่นเอง ซึ่งผิวในลักษณะนี้จะทำให้ดูเป็นผิวที่มีสุขภาพดีและผ่านการดูแลผิวมาอย่างพิถีพิถันนั่นเอง

วิธีทำผิวแบบ Glass Skin มีอะไรบ้าง

วิธีทำผิวแบบ Glass Skin

ในปัจจุบันการทำผิวให้มีความ Glass Skin นั้นสามารถทำได้ 2 แบบคือการบำรุงผิวให้ผิวมีความสุขภาพดีจากภายใน หรืออีกวิธีก็คือการแต่งหน้านั่นเอง ซึ่งทั้งสองวีนั้นสามารถทำแบบควบคู่กันไปได้แต่โดยส่วนใหญ่แล้วสาวๆ มักจะเลือกการบำรุงและดูแลผิวมากกว่า เพราะเมื่อเรามีผิวที่สวยใสสุขภาพดีจากภายในแล้ว เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาเสียเวลาในการแต่งหน้าอีก

ทำผิวแบบ Glass Skin ด้วยตนเอง

ต่อไปเรามาดูกับบ้างว่าวิธีการทำผิวสวยแบบ Glass Skin ด้วยตนเองนั้นจะมีวิธีไหนบ้างและแต่ละวิธีนั้นควรจะมีความใส่ใจกับจุดไหนเป็นพิเศษ

 

ล้างหน้าให้สะอาด
  • ล้างหน้าให้สะอาด

ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญและจำเป็นอย่างมาก เพราะแน่นอนว่าในแต่ละวันผิวของเราต้องเผชิญกับฝุ่น ควัน และมลพิษต่างๆ มากมายซึ่งเป็นตัวการหลักในการทำร้ายผิว และในบางคนที่ไม่ได้มีการแต่งหน้าก็มักจะคิดว่าเป็นขั้นตอนที่ไม่สำคัญ ถือเป็นความคิดที่ผิดมากๆ ดังนั้นจึงควรทำการล้างหน้าแบบ 2 สเต็ปดังนี้

Step 1 : เช็ดเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกออกด้วยคลีนซิ่ง (Cleansing)
ที่ในปัจจุบันมีทั้งแบบน้ำที่ต้องใช้คู่กับสำลี แบบออยล์ และแบบโลชั่น โดยควรเลือกสูตรที่เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคน

Step 2 : ล้างทำความสะอาดผิวอีกรอบด้วยคลีนเซอร์ (Cleanser)
เช่นกันว่าการเลือกคลีนเซอร์นั้นก็ต้องคำนึงถึงสภาพผิวของเราด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้การแพ้ ระคายเคืองหรือสิวบุกนั่นเองโดยมีวิธีเลือกดังนี้

  • ผิวแห้ง : เลือกที่มีส่วนผสมช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นอย่าง cream-based cleanser, milk-based cleanser, Lanolin, Mineral Oil และ Petroleum Jelly
  • ผิวมัน : เลือกที่มีส่วนผสมของ กรดซาลิไซลิก (BHA), กรดไกลโคลิก (AHA) และ เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (benzoyl peroxide)
  • ผิวผสม : ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนสามารถกำจัดน้ำมันส่วนเกินและเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว แต่ควรเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ น้ำหอม, พาราเบน และแอลกอฮอล์เป็นต้น
  • ทาครีมบำรุงเป็นประจำ

ถือเป็นขั้นตอนการบำรุงผิวที่มีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งควรมีความใส่ใจและพิถีพิถันเป็นพิเศษและควรเลือกใช้ครีมบำรุงผิวที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเองอีกด้วย แต่ก็มีอีกสิ่งที่ทำให้หลายๆ คนเข้าใจผิวเกี่ยวกับการบำรุงผิวนั่นก็คือการใช้ผลิตภัณฑ์หลายตัวร่วมกันมากเกินไป ซึ่งเสี่ยงต่ออาการผิวพังได้ง่ายมากๆ ดังนั้นให้จำไว้เลยว่ายิ่งใช้น้อยยิ่งดีต่อผิว

ตัวอย่างขั้นตอนสกินแคร์รูทีนที่ดี

  • น้ำตบหรือโทนเนอร์
  • เซรั่มหรือครีมที่เหมาะกับสภาพผิวเช่น BHA กับผิวเป็นสิว หรือ Retinal-A กับผิวมีริ้วรอย
  • มอยเจอร์ไรเซอร์เพิ่มความชุ่มชื้น
  • ครีมกันแดด (ในช่วงเช้า)
  • มาสก์หน้า

มาสก์หน้า

ขั้นตอนการมาสก์หน้าก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการกู้ผิวได้ดีมากๆ เพราะในตัวมาสก์จะอุดมไปด้วยสารต่างๆ ที่จำเป็นต่อผิว ซึ่งควรมาสก์ขั้นต่ำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้งหรือมากกว่าก็ย่อมได้ และข้อสำคัญในการมาสก์หน้าไม่ควรมาสก์เกินเวลาที่ระบุไว้ข้างซองอย่างเด็ดขาดเพราะหากเลยแผ่นมาสก์จะทำการดึงความชุ่มชื้นออกมาจากผิวเรานั่นเอง

 

  • สครับผิว

การสครับผิว

เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการผลัดเอาเซลล์ผิวและสิ่งสกปรกตกค้างออกจากผิว เพราะแน่นอนว่าร่างกายของเราได้มีวงจรการผลัดเซลล์ผิว (Skin Cell Turnover) ที่จะช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกที่ตายแล้วให้หลุดออกไปเป็นขี้ไคลและสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน ซึ่งการสครับผิวนั้นจะช่วยทำให้วงจรการผลัดเซลล์ผิวเป็นไปได้ง่ายขึ้นและมีข้อดีต่างๆ ดังนี้

  • ช่วยลดสาเหตุการเกิดผิว
  • ช่วยปรับผิวให้มีความกระจ่างใสขึ้น
  • ช่วยให้ครีมและสกินแคร์สามารถซึมลงสู่ผิวได้ง่ายมากขึ้น
  • ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน
  • ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
  • การแต่งหน้า

ถือเป็นวิธีแก้ปัญหาแบบปลายเหตุที่สามารถเห็นผลได้แบบทันที ซึ่งวิธีนี้จะต้องเลือกใช้พวกรองพื้น คุชชั่นสูตร Hydrating หรือ Dewy ที่จะช่วยเพิ่มความฉ่ำวาวให้แก่ผิว รวมไปถึงการใช้เทคนิคในการเฉดดิ่งและปัดไฮไลท์ก็ช่วยสร้างผิวแบบ Glass Skin ได้เช่นกัน

 

  • งดพฤติกรรมในการทำลายผิว
 
งดพฤติกรรมในการทำลายผิว

แน่นอนว่าถ้าอยากมีผิวสวยสุขภาพดีแบบ Glass Skin ก็ต้องงด ละ เลิกพฤติกรรมต่างที่เป็นปัจจัยสำคัญในการทำร้ายผิวตามรายละเอียดด้านล่างนี้

  • งดการอดนอน นอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือความเครียด เพราะจะทำให้ผิวเกิดความเสื่อมโทรม ทำให้หน้าแก่ได้ไวขึ้น
  • งดสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ รวมไปถึงคาเฟอีน ที่มีสารในการทำให้เซลล์ผิวเกิดความเสื่อมโทรม
  • เลี่ยงการเผชิญกับแสงไม่ว่าจะเป็น แสงไฟ แสงแดด หรือแสง Blue Light จากจอมือถือ แต่ข้อนี้การทาครีมกันแดดช่วยได้
  • งดการไม่รักษาความสะอาด ไม่ว่าจะเป็นการล้างหน้ารวมไปถึงเสื้อผ้า ปลอกหมอน แปรงและพัฟแต่งหน้า เพื่อลดโอกาสการเกิดสิวขึ้นได้

ซึ่งในการดูแลผิวด้วยตนเองนั้นข้อสำคัญหลักๆ เลยก็คือความสม่ำเสมอในการทำ เพราะแน่นอนว่าการจะมีผิวที่สวยสุขภาพดีนั้นจะต้องใช้ระยะเวลาในการเห็นผลโดยบางคนอาจจะเห็นภายใน 1-3 เดือนหรือบางคนอาจจะมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับสภาพผิวที่เรามีนั่นเอง

ทำผิวแบบ Glass Skin ที่คลินิกความงาม

วิธีดูแลผิวแบบ Glass skin

หลังจากที่ดูวิธีการทำให้ผิวสวยแบบ Glass Skin ด้วยตนเองไปแล้ว ต่อไปเรามาดูกันบ้างว่าในปัจจุบันมีหัตถการทางการแพทย์แบบไหนบ้างที่สามารถช่วยเสกผิวให้สวยแบบ Glass Skin ได้อย่างเร่งด่วนและเห็นผลจริง



ผู้ตั้งกระทู้ KBH :: วันที่ลงประกาศ 2024-04-04 10:44:21


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล