จากกรณีที่เกิดอุบัติเหตุกับผู้ขี่รถจักรยานที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงเวลาที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้เร่งหามาตรการเพื่อเพิ่มความปลอดภัยสำหรับผู้ที่ขี่จักรยานบนท้องถนน เมื่อวันที่ 11พ.ค.2558ที่ศาลาว่าการกทม.นางสาวตรีดาว อภัยวงศ์โฆษกของกรุงเทพมหานคร กล่าวว่าที่ประชุมผู้บริหารกทม.ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์บริพัตรผู้ว่าฯกทม.ได้หารือกำหนดมาตรการดูแลความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้จักรยานในพื้นที่กรุงเทพฯ เนื่องจากนโยบายการใช้จักรยานเพื่อการเดินทางสัญจรการท่องเที่ยวถือเป็นนโยบายหลักของกทม.ที่ดำเนินการส่งเสริมมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ประชาชนผู้ใช้จักรยานในการสัญจรบนท้องถนน
น.ส.ตรีดาวกล่าวต่อว่ากทม.ได้กำหนดมาตรการความปลอดภัย3 มาตรการคือ1.ด้านกายภาพเส้นทางจักรยานอาทิ ด้านวิศวกรรมจราจรเส้นทางจักรยาน เครื่องหมายสัญลักษณ์ต่างๆและไฟฟ้าส่องแสงสว่างโดยเส้นทางที่อยู่ในความรับผิดชอบของกทม.หน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องดำเนินการเข้าไปปรับปรุงแก้ไขทันทีหรือหากเป็นเส้นทางที่อยู่นอกเหนือของกทม.ก็ให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ2.การแก้ไขปัญหาระยะยาวจะมีการกำหนดลักษณะจักรยานที่สามารถปั่นบนท้องถนนได้โดยเบื้องต้นจักรยานจะต้องมีอุปกรณ์ที่ปลอดภัยอาทิ ไฟกระพริบนอกจากนี้ยังมีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น กรมการขนส่งทางบกและกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)เพื่อจัดทำใบขับขี่รถจักรยานและกำหนดอายุผู้ที่สามารถใช้จักรยานบนถนนได้ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานโดยจะเร่งดำเนินการให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุดและ3.ดำเนินการประชาสัมพันธ์เรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนกับผู้ขับขี่จักรยานและผู้ใช้รถอื่นๆเพื่อให้มีจิตสาธารณะในการขับขี่มากที่สุด
ด้านนายธีรพงษ์รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก(ขบ.)เปิดเผยว่าแนวคิดที่จะให้มีการทำใบขับขี่จักรยานนั้นเป็นเรื่องที่ดีซึ่งการกำหนดอายุของผู้ใช้จักรยานถนนหรือทางสายหลักจะเป็นการกำหนดในเรื่องความปลอดภัยของผู้ขับขี่เองส่วนในเรื่องของการทำใบขับขี่จักรยานนั้นในประเทศไทยเคยมีการทำใบขับขี่จักรยานตามพ.ร.บ.ล้อเลื่อนพ.ศ.2478หรือเมื่อ80ปีที่ผ่านมาแต่ได้ถูกยกเลิกไปตั้งแต่ปี2546เพราะกฎหมายมีความล้าสมัยอีกทั้งในประเทศไทยปัจจุบันได้หันไปใช้รถยนต์และรถจักรยานยนต์กันหมดอีกทั้งจะเป็นความยากลำบากในการบังคับให้มีใบขับขี่จักรยานจึงได้มีการกเลิกไปในที่สุดแต่ถ้าหากหลายฝ่ายเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีน่าจะรื้อการทำใบขับขี่จักรยานขึ้นมาใหม่ก็สามารถทำได้โดยการใช้พ.ร.บ.จราจรทางบกพ.ศ.2522มารองรับในการบังคับใช้
นายธีรพงษ์กล่าวต่อว่าถ้าหากจะต้องมีการทำใบขับขี่จักรยานจริงๆประชาชนที่จะเข้ารับใบอนุญาตจะต้องมีการอบรมในเรื่องกฎจารจรทำแบบทดสอบโดยหลักการจะคล้ายกับการทำใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หรือจักรยานยนต์เช่นเดียวกันหรืออาจจะมีการอบรมความรู้เพิ่มเติมในการใช้ทางร่วมกับรถทั่วไปทั้งนี้ทางกรมฯจะต้องกลับมาพิจราณาในข้อปฏิบัติว่าสามารถกระทำได้มากแค่ไหนรวมถึงการออกข้อบังคับหรือตัวกำหนดสำหรับรถจักรยานโดยเฉพาะเช่นการจำกัดอายุผู้ขับขี่รถจักรยานต้องมีส่วนควบหลักอะไรบ้างการจำแนกประเภทจักรยานในการใช้ความรู้เกี่ยวกับกฎจราจรมีมากน้อยแค่ไหนทั้งนี้ในเบื้องต้นทางกรมฯได้มีการให้ความรู้เบื้องต้นกับคนผู้ใช้รถยนต์ให้ระมัดระวังจักรยานในการใช้เส้นทางร่วมกันไม่ให้ขับขี่แซงซ้ายเพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุทั้งผู้ใช้รถทั่วไปและผู้ขับขี่จักรยานได้เบื้องต้น
อนึ่งการออกใบขับขี่รถจักรยานเคยมีการบังคับใช้เป็นกฎหมายตามพ.ร.บ.ล้อเลื่อนพ.ศ.2478ซึ่งกำหนดให้ล้อเลื่อนและรถจักรยานมีการจดทะเบียนและออกใบอนุญาตล้อเลื่อนรวมทั้งกำหนดให้ผู้ที่ขับขี่ล้อเลื่อนและผู้ที่ขี่รถจักรยานบนทางหลวงต้องมีใบอนุญาตขับขี่โดยกำหนดให้ผู้ที่ขี่จักรยานมีอายุไม่ต่ำกว่า13 ปีขึ้นไป ออกเป็นใบขับขี่ตลอดชีพซึ่งจะต้องมีแสดงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกครั้งเมื่อเจ้าหน้าที่เรียกตรวจเช่นเดียวกับใบขับขี่รถยนต์ ซึ่งการทำใบอนุญาตขี่รถจักรยานมีค่าธรรมเนียม1 บาททั้งนี้กฎหมายได้ดังกล่าวกรมการขนส่งทางบกได้ประกาศยกเลิกไปเมื่vปี2546เนื่องจากรัฐบาลเห็นว่าเป็นกฎหมายที่ล้าสมัย.