ค่าเงินบาทวันนี้ 25/10/65 เ...
ReadyPlanet.com


ค่าเงินบาทวันนี้ 25/10/65 เปิดที่ระดับ 38.14 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น ค่าเงินบาทวันนี้ 25/10/65


  

ค่าเงินบาทวันนี้ 25/10/65 เปิดที่ระดับ 38.14 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น

ค่าเงินบาทวันนี้ 25/10/65 เปิดที่ระดับ 38.14 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น


ค่าเงินบาทไทยเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 38.14 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น ตลาดเกาะติดอีซีบีเคาะขึ้นดอกเบี้ย

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงินธนาคารกรุงไทย ระบุ ค่าเงินบาท เปิดเช้านี้ที่ระดับ 38.14 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 38.34 บาทต่อดอลลาร์ โดยแนวโน้มของค่าเงินบาทแกว่ง Sideways โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 38.50 บาทต่อดอลลาร์ นอกจากนี้ ควรจับตาทิศทางราคาทองคำ รวมถึงฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ที่จะส่งผลต่อความผันผวนของค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ได้ โดยเริ่มเห็นสัญญาณการกลับเข้ามาของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทย ซึ่งสอดคล้องกับการรีบาวด์ของดัชนี SET ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้หากดัชนี SET สามารถปรับตัวขึ้นทะลุโซนแนวต้าน 1,600 จุดได้อย่างชัดเจนและบรรยากาศในตลาดการเงินโดยรวมยังคงเปิดรับความเสี่ยงคาดว่าอาจเห็นฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติทยอยกลับเข้ามาตลาดหุ้นไทยมากขึ้นได้ แต่จุดที่ต้องระวัง คือ แรงขายบอนด์ระยะยาวจากนักลงทุนต่างชาติ หากบอนด์ยีลด์ระยะยาวทั่วโลกยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง

ส่วนเงินดอลลาร์นั้น มองว่า ควรระวังความผิดหวังของผู้เล่นในตลาดต่อรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทเทคฯ ใหญ่ ที่อาจกดดันให้ตลาดการเงินกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงและหนุนให้เงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นได้ นอกจากนี้ ผลการประชุมของธนาคารกลางหลักทั้ง ECB และ BOJ ก็อาจส่งผลให้ตลาดค่าเงินผันผวนขึ้นและทั้งสกุลเงินยูโร (EUR) และเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) อาจอ่อนค่าลง หากทั้งสองธนาคารกลางไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนต่อการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด

คงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่ม ประสิทธิ ภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนมองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 37.80-38.50 บาท/ดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 38.00-38.25 บาท/ดอลลาร์

สัปดาห์ที่ผ่านมา รายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดีกว่าคาดและมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เริ่มคาดหวังว่าเฟดอาจชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปลายปี ได้ช่วยหนุนให้ตลาดอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On)

ในสัปดาห์นี้ มองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา การประชุมธนาคารกลางหลักสำคัญ อาทิ ECB และ BOJ รวมถึง รายงานผลประกอบการบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะบริษัทเทคฯ ใหญ่ อย่าง Alphabet, Amazon และ Meta โดยในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจมีดังนี้มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

ฝั่งสหรัฐฯ – ตลาดประเมินว่า ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจสะท้อนภาพการชะลอตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น อาทิ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคการบริการ โดย S&P Global (Manufacturing & Services PMIs) ในเดือนตุลาคม ที่ออกมาแย่กว่าคาด

โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 49.9 จุด และ 46.6 จุด ตามลำดับ (ดัชนีน้อยกว่า 50 หมายถึง ภาวะหดตัว) กดดันโดยภาวะเงินเฟ้อสูง การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลกและสหรัฐฯ รวมถึงผลกระทบจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด

นอกจากนี้ตลาดยังมองว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สำรวจโดย Conference Board (Consumer Confidence) จะปรับตัวลดลงสู่ระดับ 105.5 จุด ตามแรงกดดันของภาวะเงินเฟ้อสูง ที่ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของชาวอเมริกัน รวมถึงผลกระทบของการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด

ขอขอบคุณ;  ข่าวเศษฐกิจ



ผู้ตั้งกระทู้ คุโร :: วันที่ลงประกาศ 2022-10-25 11:00:28


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล